4 สารสำคัญที่มาพร้อมกับครีมหน้าขาว

เขียนโดย: admin2 หมวดหมู่บทความ: ROOT เขียนเมื่อ: 2021-08-22 อ่านแล้ว: 1506 ความคิดเห็น: 0

4 สารสำคัญที่มาพร้อมกับครีมหน้าขาว

สาวๆหลายคนที่กำลังมองหาครีมหน้าขาวเพื่อบำรุงผิวหน้าตัวเองให้ดูขาวกระจ่างใส แต่หลายคนต้องผิดหวังกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของสารที่มักมาพร้อมกับครีมหน้าขาว  โดยเฉพาะผลกระทบหลังจากใช้ครีมหน้าขาวไประยะหนึ่งแล้ว เช่น ผิวหน้าบาง ฝ้า กระ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่เราไม่รู้ว่ามาจากครีมหน้าขาวที่มีส่วนผสมของสารอันตราย โดยเฉพาะบางครั้งมีการผสมระหว่างสารอันตรายกับสารสกัดธรรมชาติอยู่ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน การนำเสนอก็นำเสนอเฉพาะส่วนที่เป็นสารสกัดธรรมชาติเท่านั้น ส่วนสารอันตรายไม่มีกล่าวถึงเลย 

ดังนั้นเมื่อเราใช้ครีมหน้าขาวช่วงแรกเรามักพึงพอใจมากเพราะเห็นผลรวดเร็วมาก จึงนิยมซื้อใช้ต่อเนื่องจนในที่สุดเมื่อหยุดใช้จึงเห็นผลลับที่ไม่พึงปรารถนา ฝ้า กระขึ้นมาเยอะมาก บางรายเกิดรอยดำด่างๆ เป็นฝ้าแบบไม่ปรกติ  หรือบางคนขณะใช้ครีมหน้าขาวถูกแดดทำให้ผิวหน้าดำเป็นปี้นๆ ครีมหน้าขาว ช่วยลดปริมาณเม็ดสีในชั้นผิวหนัง และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ครีมหน้าขาวบางตัวอาจผสมสารอันตรายอย่างไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สเตียรอยด์ชนิดใช้ภายนอก (Topical Steroids) สารปรอท และกรดเรติโนอิก (Retinoic acid) ซึ่งสารอันตรายเหล่านี้ส่งผลเสียอย่างไรต่อผิว และเราจะมีวิธีเลือกครีมหน้าขาวอย่างไรให้ปลอดภัยต่อผิว หาคำตอบได้ในบทความนี้

การทำงานของครีมหน้าขาว
 

ผิวหนังของคนเราจะมีสารสำคัญที่ทำให้เกิดสีผิว เรียกว่า เมลานิน (Melanin) โดยสร้างขึ้นจากเซลล์ผิวหนังเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งแต่ละคนจะมีปริมาณเมลานินในผิวหนังต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศที่เราอาศัย เชื้อชาติ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน และการเผชิญกับแสงแดด โดยปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดการสร้างเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำลง ครีมหน้าขาวจึงถูกนำมาใช้เพื่อลดปริมาณเมลานินและปรับให้สีผิวดูขาวขึ้น 

ส่วนประกอบครีมหน้าขาวอาจมีทั้งสารสกัดจากธรรมชาติที่มักไม่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง อย่างวิตามินซีจากผักผลไม้ มะนาว มะเขือเทศ มะขามป้อม ส่วนเบต้า แคโรทีน (Beta Carotene) มาจากผักผลไม้สีเหลือง สีส้ม ฟักทอง แครอท สารสกัดจากหัวไชเท้า (Radish Extract) และสารสกัดจากทับทิม ไปจนถึงสารที่เป็นอันตรายต่อผิวและเป็นสารต้องห้าม อย่างไฮโดรควิโนนและคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ปรอท และ กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) การใช้ครีมหน้าขาวที่ประกอบด้วยสารอันตรายเหล่านี้ จำเป็นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เพื่อรักษาโรคผิวหนัง

สารอันตรายในครีมหน้าขาวที่ควรเลี่ยง

สารอันตรายในครีมหน้าขาวหลายชนิดสามารถออกฤทธิ์ทำลายผิวหนังและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากใช้ในปริมาณมากหรือใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยตัวอย่างสารอันตรายที่มักพบในครีมหน้าขาว ได้แก่

1.ไฮโดรควิโนน

  • ไฮโดรควิโนนเป็นสารที่มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว จึงมักนำมาใช้เพื่อรักษาปัญหาผิวที่มีสีเข้มกว่าผิวหนังบริเวณอื่น เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำตามวัย (Age Spots) และรอยสิว ผู้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนบางรายอาจรู้สึกแสบร้อนหรือระคายผิว แต่หากใช้ต่อเนื่องในระยะยาวอาจทำให้เกิดฝ้าถาวร (Exogenous Ochronosis) และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง
  • ในประเทศไทย ไฮโดรควิโนนจัดเป็นยาทาภายนอกเพื่อการรักษาทางการแพทย์ และได้ถูกสั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2% นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน เนื่องจากอาจดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและเป็นอันตรายต่อบุตร


2.สารปรอท

  • สารปรอทเป็นสารที่มีราคาถูก นิยมนำมาใส่ในครีมหน้าขาวเพื่อลดรอยดำบนผิวหนัง ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้สีผิวขาวขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารปรอทอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวเปลี่ยนสี ผิวบางลง เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไตและระบบประสาทถูกทำลาย ทั้งนี้ สารปรอทเป็นสารอันตรายที่ห้ามวางจำหน่ายในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทยที่ประกาศเป็นสารห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2551 

 

3.สเตียรอยด์

  • สเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก อย่างไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) มีคุณสมบัติชะลอการผลัดเซลล์ผิวทำให้สีผิวขาวขึ้น จึงมักนำมาใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) เป็นต้น  
  • อย่างไรก็ตาม การใช้สเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงและเป็นเวลานานติดต่อกันอาจทำให้เกิดอาการแพ้ แสบร้อน ผิวบางลง และทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ได้ จึงควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีความเข้มข้นของสเตียรอยด์สูง หากจำเป็นต้องใช้ยาควรเลือกชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำถึงปานกลาง และใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น


4.กรดเรติโนอิก (Retinoic acid)

  • มีผลรบกวนกระบวนการสร้างเม็ดสีโดยมีกระบวนการออกฤทธิ์กระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ของผิวในชั้นอิพิทีเรียล/เยื่อบุผิว (Epitherial) ลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีมาที่เซล์ลผิวหนังและยั้บยั้งการ ทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้ในการสร้างเม็ดสีอีกด้วย
  • นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์กดการสร้างและป้องกันการสร้างสิวอุดตัน (Comedone) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวทั่วไปผลข้างเคียงจากการใช้ กรดเรติโนอิกอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าลอก อักเสบ แพ้แสงแดดได้ง่าย อาจเกิดภาวะผิวด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราวและอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดผลข้างเคียงหลังใช้กรดตัวนี้คือถ้ามีอาการคันหรืออักเสบให้หยุดการใช้ หากอาการไม่ดีขึ้นไปพบแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อประเมินแนวทางการรักษาใหม่

การใช้ครีมหน้าขาวให้ปลอดภัยต่อผิว ควรใช้ตามที่แพทย์สั่งและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรซื้อครีมหน้าขาวมาใช้เอง เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว ยังอาจเป็นส่งผลเสียต่อการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้


การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างปลอดภัย

ก่อนการเลือกซื้อครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาวใด ๆ ควรอ่านฉลากบนบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด ไม่ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน สารปรอท และสเตียรอยด์ หากผลิตภัณฑ์ไม่แสดงรายละเอียดของส่วนประกอบ ไม่แสดงชื่อผู้ผลิต หรือวันเดือนปีที่ผลิต ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ในกรณีที่สงสัยว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่หรือที่ต้องการซื้อมีสารอันตรายผสมอยู่หรือไม่ สามารถตรวจสอบรายชื่อเครื่องสำอางตามประกาศของสำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตรายได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th ขององค์การอาหารและยา (อย.)

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง อย่างฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) การขัดกรอผิวด้วยผลึกแร่ (Microdermabrasion) เพื่อขจัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วออกไป หรือการทำเลเซอร์ (Laser Treatment) ที่เหมาะสมกับสภาพผิวควรพิจารณาถึงผลกระทบระยะสั้น และผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นเช่นผิวบาง ผิวแพ้ง่ายกว่าเดิม เป็นฝ้ากระหนามากขึ้นกว่าผิวปรกติที่ไม่เคยผ่านทรีทเม้นท์เหล่านี้มาก่อน

การใช้ครีมบำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวเป็นเพียงหนึ่งในวิธีแก้ไขปัญหาผิวคล้ำให้ขาวขึ้น แต่หากต้องการให้ผิวขาวและมีสุขภาพดี การดูแลผิวเป็นประจำด้วยวิธีธรรมชาติปลอดภัยมากสุด พร้อมๆกับการรับประทานอาหาร ร่วมกับการออกกำลัง และการพักผ่อนที่เหมาะสม เป็นวิธีการดูแลผิวแบบองค์รวม การทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวคล้ำเสียจากรังสียูวี หากมีอาการแพ้หรืออาการผิดปกติหลังการใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ควรหยุดใช้แล้วเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นธรรมชาติน่าเชื่อถือตรวจสอบได้ หากแพ้มากจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป

แสดงความคิดเห็น

รหัสรูปภาพ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

บาคาร่า

คาสิโนออนไลน์

สล็อต

สล็อตที่ดีที่สุด

สล็อต PG

คาสิโน

เว็บตรง

เว็บอันดับหนึ่ง

แทงบาคาร่า

โบนัสสล็อต

สล็อตเครดิตฟรี

สล็อตแตกง่าย

สล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อตสด

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต PG

สล็อต

สล็อต

สล็อต

สล็อต

สล็อต

สล็อต

สล็อต

สล็อต